นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 34.81 บาท/ดอลลาร์ จากปิดตลาดเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 35.07 บาท/ดอลลาร์
เงินบาทและสกุลเงินในภูมิภาคแข็งค่า จากดอลลาร์ที่อ่อนค่า เนื่องจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (1 ธ.ค.) ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) พูดถึงความเสี่ยงในการขึ้นดอกเบี้ยมีความสมดุลมากขึ้น ประกอบกับทองคำดีดขึ้นทำนิวไฮ
“ตลาดมองว่าเฟดจบการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว และใกล้ที่จะลดดอกเบี้ยแล้ว ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินส่วนใหญ่” นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 34.55 – 34.95 บาท/ดอลลาร์
สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามระหว่างวัน คือ Fund flow และให้ระวัง Flow ทองคำที่พุ่งสูง จึงอาจมี Flow ฝั่งส่งออก หรือขายดอลลาร์ซื้อบาทได้
ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 146.65 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 147.78 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0872 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.0902 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 35.266 บาท/ดอลลาร์
- “รัฐบาล” จับตาสถานการณ์ หนี้ภาคธุรกิจ หลังหุ้นกู้ครบกำหนดชำระปี 67 เฉียด 1 ล้านล้าน ท่ามกลางตัวเลขเศรษฐกิจ ไม่สดใส ส่อกระทบโรลโอเวอร์หุ้นกู้ปีหน้า นายกฯ สั่งรับมือ ช่วยปรับโครงสร้างหนี้ รายที่เสี่ยงผิดชำระหนี้ สศช.ชี้ระดมทุนผ่าน ตราสารหนี้ มีปัจจัยเสี่ยงมากขึ้น “หอการค้า” เสนอรัฐบาลเร่งแก้ไขหนี้ภาคธุรกิจ แนะรัฐจัด กลุ่มลูกหนี้ ออกมาตรการจัดการหนี้ ช่วยให้ธุรกิจเอสเอ็มอีเดินได้
- “นักเศรษฐศาสตร์” มองเศรษฐกิจไทยโตช้า อาการน่าห่วง “ศุภวุฒิ” ย้ำไทยกำลังเผชิญวิกฤติโตต่ำ ห่วงเจอวิกฤติงบดุลซ้ำเติม หลังหนี้รัฐเอกชน-ครัวเรือนพุ่งทั่วหน้า ถาม ธปท. เก็บกระสุนไว้ทำไม ด้าน “บัณฑิต” ชี้ ขีดความสามารถต่ำลงเรื่อยๆ ติงแบงก์ชาติพูดแต่เรื่องดี ไร้สัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงที่ต้องเผชิญระยะข้างหน้า
- “ส.อ.ท.” แนะรัฐอัดมาตรการกระตุ้น ศก. เพิ่มเติมระหว่างรองบประมาณหวังเป็นแรงส่งขับเคลื่อน ศก.ปี 67 ที่ยังเผชิญความเปราะบางจากทั้งปัจจัยภายในที่หนี้ครัวเรือนสูง ค่าพลังงานต่างๆ ที่ยังคงมีทิศทางขาขึ้นจากหนี้สะสม ขณะที่ปัจจัยภายนอก ศก.โลกยังมีปัจจัยเสี่ยงจากภูมิรัฐศาสตร์ขัดแย้งสูง
- ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า ขณะนี้ยังคงเร็วเกินไปที่เฟดจะประกาศชัยชนะเหนือเงินเฟ้อ ถ้อยแถลงดังกล่าวถือเป็นการดับความคาดหวังของตลาดที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
- เอสแอนด์พี โกลบอล เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐอยู่ที่ 49.4 ในเดือนพ.ย. ลดลงจาก 50.0 ในเดือนต.ค.
- สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐทรงตัวที่ระดับ 46.7 ในเดือนพ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 47.6 โดยดัชนียังคงปรับตัวต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิตสหรัฐ และเป็นการหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 13
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย. และเมื่อเทียบรายปี การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างพุ่งขึ้น 10.7% ในเดือนต.ค.
- ราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้นทะลุระดับ 40,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2565 โดยได้แรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย และคาดว่าอุปสงค์บิตคอยน์จะพุ่งขึ้นขานรับแนวโน้มการจัดตั้ง Spot Bitcoin ETF เป็นครั้งแรกในสหรัฐ
- ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนต.ค. โดย JOLTS เป็นหนึ่งในข้อมูลแรงงานที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เนื่องจากเป็นมาตรวัดภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยในการพิจารณานโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ยของเฟด, ดัชนี ISM/PMI ภาคบริการ, ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชน, ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงานเดือนพ.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ธ.ค. 66)